2561-01-02

[OS] Wine [mark x jaemin] #ไวน์mm


OS – Wine
mark x jaemin






หากเปรียบความรักของผมที่มีให้แจมินคงเปรียบเหมือนกับไวน์
ชื่นชอบรสชาติในครั้งแรกที่ลิ้มลอง
เช่นเดียวกับผมที่ตกหลุมรักเขาในครั้งแรกที่สบตา
.
.

            เราพบกันครั้งแรกในร้านหนังสือ...


ผมยืนเลือกหนังสืออยู่ตรงมุมวรรณกรรมเยาวชน ซึ่งเป็นแนวโปรดของผมเอง  ตาคมไล่ไปตามสันหนังสือตรงหน้าอย่างไม่รีบร้อนนัก แอบชำเลืองตามองบุคคลที่มาใหม่ข้างๆแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ก่อนจะไปสะดุดกับหนังสือสันปกสีดำเล่มหนึ่ง ผมจึงยื่นมือไปหยิบมันออกมาจากชั้น

            เล่มนั้นดีมากเลย!”

            หืม?

            จู่ๆคนข้างๆก็เอ่ยขึ้นมาเสียงดังนิดหน่อย ผมตกใจจึงละสายตาจากหนังสือตรงหน้าไปมอง

            เอ่อ มันดีจริงๆนะครับ…”

            คนตรงหน้าผมคงรู้สึกว่าเสียงมันดังไปแถมทำให้ผมตกใจ จึงลดระดับเสียงลงมาและยิ้มแห้งๆเป็นเชิงขอโทษ  

            “ครับ

            ผมตอบคนตรงหน้าเพราะไม่อยากเสียมารยาทเท่าไหร่นัก

            คุณต้องอ่านมันให้ได้นะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องโปรดผมเลย

            คนตรงหน้ายังไม่เลิกพยายามขายของ สายตาอันเป็นประกายและรอยยิ้มที่ดูสดใสนั่นทำให้ผมอมยิ้มตามได้ไม่ยาก ถึงแม้มันจะเป็นแค่ยิ้มมุมปากก็เถอะ



          รู้แล้ว เชื่อแล้วครับว่าดี



ครับ

เคยอ่านเรื่องอื่นของนักเขียนคนนี้มั้ยครับ?

คนตรงหน้าเอ่ยถามขึ้น ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป

ยังไม่เคยครับ

โธ่เอ้ย! จริงเหรอครับเนี่ย เขาเขียนดีมากๆเลยครับ เรื่องนั้นเขาก็เขียนนะ 

อีกคนทำหน้าเสียดายก่อนจะชี้ไปยังหนังสือสันสีขาวข้างๆกัน ผมมองตามก่อนจะหันมาพยักหน้าให้

ไว้อ่านเล่มนี้จบจะลองอ่านดูนะครับ

เยี่ยมเลยครับ ว่าแต่นี่ผมเสียมารยาทกับคุณไปหรือเปล่าครับเนี่ย? ผมขอโทษนะครับ แต่มันอดจะแนะนำไม่ได้จริงๆ

คนตรงหน้าก้มหัวลงแถมยิ้มเจื่อนๆ เหมือนรู้ว่ากำลังทำตัวน่ารำคาญใส่คนที่ไม่รู้จักกันอยู่

 “ไม่หรอกครับ

ผมตอบไปแบบนั้นก่อนจะส่งยิ้มจางๆไปให้ คนตรงหน้าเมื่อเห็นผมยิ้มก็ยิ้มกว้าง

ถึงแม้ว่าการกระทำของเขามันจะดูน่ารำคาญมากถ้าคนอื่นๆทำ แต่กับเขามันดูไม่น่ารำคาญเลยสักนิด ซึ่งก็แปลกใจเหมือนกัน ว่าทำไมผมถึงคุยกับเขา เพราะโดยนิสัยส่วนตัวผมเป็นคนไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าและขี้รำคาญมาก


ครืด ครืด

คนตรงหน้าล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เขาชี้ไปยังโทรศัพท์ของตัวเองก่อจะพยักหน้าให้ผมเป็นเชิงขออนุญาต ผมก็พยักหน้ากลับไป เขายิ้มแล้วกดรับ



น่ารัก



เลิกบ่นสักทีได้ไหม?

รู้แล้วน่า ถึงแล้วเนี่ย

กำลังเดินไป เจอกัน

เมื่อเขากดวางและเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงทีเดิม เขาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม

ผมคงต้องขอตัวก่อน ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ

ครับ

คนตรงหน้าหันหลังเดินจากไปแล้ว ผมยังคงมองตามแผ่นหลังนั่นจนสุดสายตา ก่อนจะเบนสายตามายังหนังสือที่อยู่ในมือตอนนี้พร้อมถอนหายใจออกมา



นี่มันเสียการควบคุมเกินไป 
แค่เจอรอยยิ้มของคนที่ไม่รู้จักในร้านหนังสือประจำ 
ทำใจผมเต้นแรงได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

.
.
.
.



ขอบคุณอะไรก็ตามบนโลกใบนี้ 
ที่ทำให้ผมได้มาเจอเขาอีกครั้ง



หลังจากผมซื้อหนังสือเล่มนั้น ผมก็ออกจากร้านหนังสือตรงไปยังร้านอาหารทื่นัดหมายกับเพื่อนสนิทอย่างไม่รีบร้อน เมื่อมาถึงร้านผมก็พบว่าเพื่อนสนิทนั่งอยู่ก่อนแล้วจึงเดินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ

นัดเที่ยงตรง

..

ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่มองหน้าเพื่อนสนิทที่กอดอกทำหน้าไม่พอใจใส่ผมอยู่

นี่เที่ยงสี่สิบห้า

อือ

มาร์คกูนั่งรอมึงมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ!”

แฮชานโวยวายออกมา ผมที่ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงก็ได้แต่พยักหน้าขอโทษไป

กูรู้นะว่าแอบไปร้านหนังสือมาอีกแล้วใช่มั้ย?

อือ

            รู้แล้วจะถามทำไมวะ?

            “เห้อ! ทีหลังกูจะมาช้าๆให้มึงรอบ้าง!”

            อือ

            แฮชานทำท่าฟึดฟัดก่อนจะส่งเมนูให้ผม ผมหยิบมันมาเปิดดู

            “นี่กูอุตส่าห์สั่งน้ำเปล่ารอมึงมากินด้วยกัน เจียมตัวไว้มาร์ค

            อือ ขอโทษ

            “เห้ออออ อย่างนี้ทั้งปี

            เมื่อเราสองคนสั่งอาหารเสร็จ โทรศัพท์แฮชานก็ดังขึ้น อีกคนกดรับ ผมที่หยิบหนังสือที่เพิ่งซื้อมาขึ้นมาอ่านอยู่ก็ไม่ได้สนใจในบทสนทนามากนัก แต่ได้ความว่าแฟนของแฮชานจะมาหาที่นี่

            ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนกูในตอนที่แฟนกูทำธุระเสร็จพอดี ไอ้สัด

            ผมยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัว

            ความจริงวันนี้แฮชานนัดผมมากินข้าวรอแฟนที่มาทำธุระเป็นเพื่อน มันนัดผมเที่ยง แต่นั่นแหละ ผมเป็นพวกที่ไม่รีบร้อน เลยมาเลยนัดไปนิด...เดียวเอง

            พี่แฮชชชชชชชชชชชช

            เสียงใสๆที่ผมจำได้ว่าเป็นเสียงของเหรินจวิ้นแฟนเพื่อนสนิทดังขึ้น ผมจึงละสายตาจากหนังสือตรงหน้าขึ้นมามองก็เห็นแฟนของแฮชานกำลังเดินปรี่เข้ามาโผเข้ากอดคนตรงหน้าผม

            ทำธุระเสร็จไวจัง

            แฮชานดันตัวแฟนออก เพื่อจะได้มองหน้าให้ถนัดก่อนจะหยิบถุงผ้าที่แฟนสะพายอยู่มาวางบนตักแล้วเลื่อนเก้าอี้ข้างๆของตนออก แฟนของแฮชานจึงเดินมานั่ง

            ก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรมากอะ จะช้ากว่านี้แน่ถ้าแจมินมันมาช้า นี่เค้าต้องโทรจิกมันยิกๆเลยนะ เผลอเป็นไม่ได้ ไปโผล่ร้านหนังสือทุกที

            แฟนของแฮชานบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ผมจึงกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ

            เหมือนไอ้มาร์คไม่มีผิด

            “จริงด้วย พี่มาร์คหวัดดี

            ผมละสายตาจากหนังสือมาพยักหน้าให้แฟนของแฮชาน ก่อนจะหันมาสนใจหนังสือต่อ แอบเห็นเจ้าตัวเล็กเบะปากให้

            เพื่อนตัวเองนี่ไม่เคยจะพูดกับเค้าอะ

            “เอาหน่า ตัวเองก็ชินแล้วไม่ใช่เหรอ?

            ชินก็ได้ไง

            แล้วนี่แจมินกลับไปละเหรอ?

            “เปล่าหรอก มันไปเข้าห้องน้ำ นั่นไงมาโน่นแล้ว

            “หวัดดีพี่แฮช

            ดูเหมือนว่าเพื่อนของแฟนแฮชานจะมาร่วมโต๊ะด้วย เสียงอันคุ้นเคย เหมือนเสียงของคนในร้านหนังสือที่ผมเจอเมื่อครู่ทำให้ผมต้องวางหนังสือตรงหน้าและเงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนที่มาใหม่

            อ้าว! นี่มันคุณคนในร้านหนังสือนี่!!”

            อีกคนมีสีหน้าตกใจ แถมพูดออกมาเสียงดัง ผมจึงยิ้มให้เพราะเอ็นดูในท่าทางของคนตรงหน้า

            ครับ

            นี่เพื่อนพี่แฮชอ๋อ?

            คนตรงหน้าหันหน้าไปหาแฮชานก่อนจะชี้มาที่ผม

            เออสิ แล้วไปรู้จักกันตอนไหน?

            แฮชานทำหน้าสงสัยแถมมองผมด้วยสายตาแปลก เช่นเดียวกับแฟนของแฮชานที่มองผมด้วยสายตาที่แทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว

            เมื่อกี้พี่มาร์คยิ้มอ๋อ!!!”

           เหรินจวิ้นพูดออกมาด้วยความตกใจ ผมที่เพิ่งรู้ตัวว่ายิ้มก็รีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน

            ตัวเองเพื่อนตัวเองยิ้มจริงๆด้วยอะ เค้าไม่ได้ตาฝาดใช่ปะ?..

           เหรินจวิ้นหันไปสะกิดแฮชานก่อนจะชี้มาที่ผมแถมทำหน้าทึ่งสุดๆ



            ไม่น่าหลุดยิ้มเลยมาร์ค


สรุปยังไง พวกมึงสองคนรู้จักกันหรอ?

แฮชานถามผม ก่อนจะชี้ไปมาระหว่างผมกับแจมิน

ไม่เชิงอะพี่ เจอกันในร้านหนังสือเมื่อกี้

เป็นแจมิน?ที่ตอบออกมา ผมก็พยักหน้าตาม

อะๆแจมินนั่งก่อน

แจมินเดินมานั่งที่ว่างข้างๆผมก่อนจะยิ้มให้อีกตามเคย แต่ครั้งนี้ผมไม่หลุดยิ้มหรอกนะ เดี๋ยวไอ้สองตัวฝั่งตรงข้ามจะช็อคตายไปก่อน

โลกกลมเนอะ ว่าแต่ผมยังไม่รู้จักชื่อพี่เลยอะ

คนข้างๆหันหน้ามาคุยกับผม

มาร์ค พี่ชื่อมาร์คครับ

สวัสดีครับพี่มาร์ค ผมแจมินนะ

พูดพร้อมยิ้มให้ผมอีกแล้ว ครั้งนี้ผมอดไม่ได้จึงยิ้มมุมปากตอบกลับไป

เห้ย! พี่มาร์คยิ้มอีกแล้วอะตัวเอง!! เห็นป้ะๆๆ!”

เหรินจวิ้นดูจะตกใจไม่หาย เลยตีแขนแฮชานเป็นเชิงให้มองหน้าผม

เออๆๆเค้ารู้แล้วๆๆ

แฮชานลูบแขนตัวเองป้อยๆ เมื่อแฟนของแฮชานรู้ตัวว่าตีแขนแรงไปจึงรีบหันกลับมากอดแขนแฮชานไว้ก่อนจะเอียงหัวซบไหล่แฮชาน

โอ๊ย..พี่แฮชเจ็บมั้ยอะ เหรินขอโทษนะ

พี่ไม่เป็นไรๆ แต่ไอ้มาร์คมึงยิ้มทำไมอะ?

แฮชานลูบหัวเหรินจวิ้นเป็นเชิงปลอบ ก่อนจะหันมาคาดคั้นเอาคำตอบจากผม

ห้ะ?

ก็ร้อยวันพันปีมึงไม่เคยจะยิ้ม วันนี้มึงยิ้มไปสองรอบแล้วนะ!”

จริงอ๋อพี่แฮช หูยงั้นผมก็โชคดีดิ ได้เห็นพี่มาร์คยิ้มเยอะเลยวันนี้

แจมินทำหน้าตกใจ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม


คนเรามันจะยิ้มพร่ำเพรื่อได้ขนาดนั้นเลยหรอวะ?


เออ! โคตรโชคดีเลยรู้ไว้นะไอ้แจมิน

เหรินจวิ้นชี้หน้าแจมิน อีกคนหัวเราะออกมาเพราะท่าทางเล่นใหญ่ที่ไม่เชื่อสายตาตัวเองของเหรินจวิ้น ก็แหงล่ะ ตั้งแต่เหรินจวิ้นรู้จักกับผมมา ผมยังไม่เคยยิ้มให้เห็นเลยด้วยซ้ำ

อะๆ เอาเถอะ ตัวเองสั่งอาหารก่อนมั้ย ไม่หิวเหรอ?

แฮชานหันไปถามเหรินจวิ้น อีกคนพยักหน้ารัว

หิวมากกกกกกก พี่แฮชไม่ได้สั่งไว้ให้เค้าเหรอ?

แฮ่...เค้าเปล่าอะ

ตัวเอง!!!!! เค้าโมโหแล้วนะ!!!!”

ผมส่ายหัวให้กับเหตุการณ์ตรงหน้า เป็นแบบนี้ตลอดแหละ เหรินจวิ้นน่ะโวยวายเก่งเป็นที่หนึ่ง ไอ้แฮชเพื่อนผมก็ยอมจั้ง แอบเหล่มองคนข้างๆที่ตอนนี้ก็มีท่าทางไม่ต่างจากผมคือส่ายหัวแล้วหัวเราะ


พี่มาร์คเป็นเพื่อนพี่แฮชหรอ?

แจมินชวนผมคุย ผมจึงพยักหน้าตอบน้อง

เพื่อนที่มอ?

ตั้งแต่มัธยมแล้วแหละ

อ๋อออ ผมก็เป็นเพื่อนเหรินมันตั้งแต่มัธยมเหมือนกัน แปลกเนอะ ผมไม่เคยเจอพี่เลยอะทั้งๆที่เหรินกับพี่แฮชก็คบกันมาตั้ง3ปีละ"

อือ พี่ไม่ค่อยได้ไปไหนอะ” 

ติสสาด เอ้ย ผมพูดคำหยาบได้ป้ะ?

แล้วแต่

งั้นหลุดบ้างอย่าว่ากันนะพี่มาร์ค

อือ

เอ้อ ว่าแต่พี่อ่านแล้วใช่ป้ะ เป็นไงชอบมั้ย?

แจมินชี้มาที่นั่งสือตรงหน้า ผมพยักหน้า

อือ ชอบ

ใช่มั้ย!! ผมโคตรชอบ พี่อ่านไปนะมันพีคมากกกกกก

แจมินลากเสียงยาว ผมหลุดขำออกมาให้กับท่าทางของเขา

ขนาดนั้นเลย?

มันยิ่งกว่านั้นอีกพี่

แจมินจะกินไร?

เหรินจวิ้นถามขึ้น แจมินจึงหันไปตอบ

แบบมึงอะ

ไม่น่าถามมึงเล้ย

เหรินจวิ้นส่ายหน้าก่อนจะหันไปสั่งอาหาร ผมที่สงสัยจึงหันไปถาม

ไม่คิดหน่อยเหรอ?

ไม่อะพี่ ขี้เกียจ



แปลกดี น่าสนใจ



เออใช่ แจมินพี่มาร์คนี่แหละคนที่กูบอกว่าฟังเพลงแนวเดียวกับมึงเป๊ะเลยอะ

เหรินจวิ้นพูดจบแจมินก็ตาโต หันหน้ามาหาผม

“Coldplay?

ผมพยักหน้า

“Cigarette After Sex?

ผมพยักหน้าอีกครั้ง

“Lany?

อือ



นี่มันบ้าไปแล้ว ที่น้องพูดมาผมชอบฟังหมดเลยให้ตายเถอะ!!
น่าสนใจกว่าเดิมเท่าตัว!




เห้ยพี่!! เราชอบเหมือนกันเลยอะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นอะ

แจมินยังคงทำหน้าไม่เชื่อ ผมจึงพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นกัน

ตื่นเต้นขนาดนั้นแอดไลน์คุยกันเลยมั้ยครับพวกมึง

เป็นแฮชานที่พูดแซะขึ้นมา แจมินหันขวั่บ

ได้อ๋อพี่แฮช?

ถามกูทำไมล่ะ ถามไอ้มาร์คโน่น

แจมินหันหน้ามาหาผมเป็นเชิงถาม ผมจึงพยักหน้าลงเพื่อตอบตกลง







จากนั้นเราก็คุยกันบ่อยขึ้น 

เราชอบอะไรเหมือนกันหลายอย่าง รสนิยมเราคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ 

เราเข้ากันได้ดีจนไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น 

จนในที่สุด...เราเริ่มรู้สึกดีต่อกัน 

หมายถึงผมชอบเขามากและเขาเริ่มจะชอบผมบ้างแล้ว






พี่มาร์ค

อือ

แจมินเรียกชื่อผม ผมจึงหันหน้าไปหาเขา ตอนนี้เราเดินจับมือกันอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้คอนโดของผม




ใช่...จับมือ 
บอกแล้วว่ามันพัฒนา:-)




ผมชอบพี่นะ

เขาพูดขึ้นแล้วส่งยิ้มที่ผมชอบมันที่สุดมาให้

อือ รู้แล้ว

ยังอีก

หือ?

แจมินหุบยิ้ม เขาปล่อยมือผมก่อนจะกอดอก ทำหน้าไม่พอใจส่งมาให้ ผมทำหน้างง

ยังอีกกกกกก

ยังอะไร?

เห้อออ พี่มาร์คอ้ะ

แจมินเลิกกอดอก เขาคว้าแขนผมไปคล้องแล้วเอียงหัวซบไหล่ ผมแปลกใจจึงยื่นมือไปลูบหัวเขาเบาๆ

พี่ยังไม่ขอผมเป็นแฟนอีกเหรอ?

แจมินเงยหน้าจ้องตาผม ประโยคที่เขาพูดทำเอาใจผมเต้นแรง เลือดสูบฉีดทั่วใบหน้า




ให้ตายเถอะแจมิน 
พี่ก็เขินเป็น




พี่มาร์คหน้าแดงอะ

แจมินชี้หน้าผมแล้วยิ้มล้อ ผมเสหน้ามองไปทางอื่นเพื่อกลบความเขิน

พี่มาร์คมองหน้าแจมเร็ว

แจมินหันหน้าผมกลับมาให้สบตากับเขา ตอนนี้เราสองคนยืนจ้องหน้ากันแล้ว แจมินยังคงส่งยิ้มมาให้ผม

พี่มาร์คไม่ขอ งั้นแจมขอนะ

ผมหัวเราะออกมา ก่อนจะส่ายหน้า อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปยีหัวอีกคนด้วยความหมั่นเขี้ยว

ได้เหรอแจมิน

ทำไมจะไม่ได้อะ คุยกันมาตั้งครึ่งปีแล้วเนี่ย

แจมินหน้างอ ผมจึงหยิกแก้มอีกคน

ไม่งอแงนะคะ แฟน

แจมินตาโต

พะพี่มาร์คว่าไงนะ?

ผมยิ้มออกมา หน้าแจมินตอนเด๋อนี่มันโคตรตลก

พี่บอกว่า ไม่งอแงนะคะ..แฟน

แจมินอ้าปากค้าง

ขะขออีกที

พี่บอกว่า ไม่งอแงนะคะ แฟนนนนน

แจมืนหน้าแดง เอามือปิดน้าเพราะความเขิน ผมจึงยื่นมือไปแกะออกเบาๆแล้วกุมมือแจมินไว้ ผมมองหน้าน้องก่อนจะส่งยิ้มที่กว้างที่สุดไปให้

เป็นแฟนกันนะคะ

พี่มาร์คคคคคคคคค แจมเขิน

แจมินหลับตาก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่นเพราะความเขิน ผมที่ไม่รู้จะช่วยน้องยังไงเลยเขย่ามืออีกคนไว้เพื่อให้กำลังใจ

ไม่เขินนะ พี่ต้องเขินมากกว่าไม่ใช่เหรอ?

พี่มาร์คคคคคคคคคคฮือออ

โอ๋

ผมปล่อยมือน้องแล้วลากเข้ามากอดแทน อีกคนซุกหน้ากับอกผมพร้อมส่ายหัวไปมา

แจมเขิน....แต่พี่มาร์คหอมมากเลยอะ

แจมินสูดกลิ่นของผมเข้าไปเต็มปอด ผมอดเอ็นดูเจ้าเด็กตรงหน้าไม่ได้เลยเอาคางเกยหัวก่อนจะส่ายหัวไปมา

หมั่นเขี้ยวจังเนี่ย






ผมโคตรมีความสุขเลย

.
.
.




แต่ความสุขมันคงไม่อยู่ตลอดไปหรอก







เราคบกันได้ปีกว่าๆ

 ผมก็รู้สึกทุกอย่างมันแปลกไป ผิดไปจากเดิมหมด 

เราเคยรักกันดี แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันไม่ใช่อีกต่อไป




วันนี้เลิกกี่โมง?

ผมถามแจมินหลังจากจอดรถตรงหน้าคณะน้อง

ประมาณบ่ายสามอะ พี่มาร์คไม่ต้องมารับนะ เดี๋ยวไปกับเพื่อนต่อ

อือ

แจมไปนะ

แจมินลงไปแล้ว ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มให้กัน หรือหอมแก้มกันก่อนจากอย่างที่เคยทำ

มันเป็นแบบนี้มาเกือบเดือนแล้ว บางทีผมคิดว่าผมอาจจะงี่เง่าไปเอง ใครมันจะไปหวานกันได้ตลอดจริงไหม? 




แต่สัญญาณแห่งความเสียใจมันเริ่มเยอะขึ้นจนผมกลัว



แจมินแยกไปคุยโทรศัพท์บ่อยขึ้นเวลาอยู่กับผม แชทไลน์บ่อยจนผมสงสัย พอถามไปเขาก็ตอบมาว่าคุยกับเพื่อน แรกๆผมก็เชื่อ แต่หลังๆเขาหงุดหงิดใส่ผมบ่อย ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ดูน่ารำคาญในสายตาเขาไปหมด ผมคงเป็นคนน่าเบื่อสำหรับเขาไปแล้ว จนผมค้นพบความจริงนั่นแหละ ว่าผมไม่ใช่คนนั้นของแจมอีกต่อไปแล้ว



โคตรเจ็บเลย




พี่มาร์ค แจมโทรไปเป็นสิบๆสายทำไมไม่รับ!”

พี่ขอโทษ พี่อาบน้ำอยู่ ไม่ได้ยินโทรศัพท์

ก็บอกให้เปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ไง ไม่เคยจำเลยหรอ?

พี่ขอโทษ

แจมต้องเอาชีทไปเรียน แจมรีบจะให้พี่มาร์คเอามาให้ที่คณะหน่อย แต่พี่มาร์คก็ไม่รับโทรศัพท์แจม เนี่ยเวลาแจมรีบพี่มาร์คไม่เคยจะรีบให้แจมเลยอะ!!”

แจมใจเย็นๆ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ยินจริงๆ

ผมยื่นมือไปจับมือแจมิน อีกคนสะบัดมือผมทิ้งแล้วหันหน้าไปทางอื่นเพื่อสงบสติอารมณ์

แจมเบื่อแล้วนะพี่มาร์ค ช่วงนี้พี่ทำตัวน่าหงุดหงิดไปรึเปล่า?

“…..

เนี่ยพี่ยังไม่ตอบแจมเลย มีปากไว้พูดก็พูดดิ

ผมก้มหน้ามองมือตัวเอง ไม่รู้จะเอาสายตาไปไว้ตรงไหน ในใจมันเจ็บแปลกๆ

แจมบอกตรงๆว่าเบื่อเต็มทน เราลองห่างกันดูมั้ย? เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น

ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแจมิน ผมจ้องตาเขา ยังไม่ตอบอะไร สายตาของแจมินมันบ่งบอกได้ชัดแล้วว่าเขาไม่ต้องการผมอีกต่อไป

พี่มาร์คช่วยพูดอะไรหน่อยเหอะ แจมหงุดหงิดแล้วนะ

 “พี่รักแจมนะ

แจมินขมวดคิ้ว

อะไรของพี่เนี่ย น่ารำคาญอะ

แจมใจเย็นๆก่อน พี่รู้ว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว

เขาดูแปลกใจที่ผมพูดแบบนี้ สายตาของแจมินที่เปลี่ยนไปชัดขนาดนี้ทำหัวใจของผมมันเจ็บไปหมด เหมือนโดนแจมินบีบหัวใจเล่นเลยว่ะ เขาจ้องหน้าผมก่อนจะพูดออกมา


เราลองห่างกันดูมั้ยพี่มาร์ค?

ผมเม้มปาก พยายามฝืนยิ้มให้แจมิน ผมหยิบมือแจมินมากุมไว้หลวมๆพร้อมลูบมือเขาเบาๆ

ดีกว่าที่คิดนะเนี่ย พี่คิดว่าแจมจะบอกเลิกพี่แล้ว

แจมินไม่พูดอะไร น้องดูรู้สึกผิดและอึดอัดใจ

พี่รักแจมินเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ พี่รู้ว่าแจมินไม่เหมือนเดิมแล้ว

ผมก้มมองมือแจมิน แค่นหัวเราะออกมาเพราะความสมเพชตัวเอง

พี่มาร์ค...

เสียงแผ่วเบาของแจมินทำให้ใจของผมสั่น ผมกัดปากตัวเองพยายามห้ามไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา

พี่...ขอโทษนะ ที่พี่มันน่าเบื่อ ไม่ได้ดั่งใจแจมินเลย

            ผมยังคงลูบหลังมือแจมินเบาๆ มือเย็นๆของผมเริ่มสั่น เพราะเหมือนจะรู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายทีได้ลูบมือเขาแบบนี้

พี่มาร์ค...แจม..

แจมไม่ต้องพูดอะไรหรอก พี่รู้...

ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าเงยหน้ามองหน้าแจมินอีกครั้ง ใช่ผมรู้ทั้งหมด รู้ว่าแจมินมีคนอื่น แต่ผมก็ทน เพราะผมรักไง




ผมแม่งโคตรรักแจมินเลยว่ะ




 ผมฝืนยิ้มให้เขา แจมินมองหน้าผมด้วยความรู้สึกผิด ผมเห็นน้ำตาที่คลอหน่วงในตาเขา นั่นทำให้ผมแทบอยากร้องไห้ออกมาเดี๋ยวนี้

ขอบคุณเวลาที่ผ่านมานะ พี่มีความสุขมากๆ

“…....

แจมรู้เปล่า ว่าพี่ชอบแจมตั้งแต่แรกเจอเลยนะ ตั้งแต่ร้านหนังสือเลย

พี่มาร์ค...

แจมินจ้องหน้าผมด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาของน้องไหลออกมา นั่นทำให้ผมต้องก้มลงมองมือน้องอีกครั้ง เพราะตอนนี้ผมกลั้นมันไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

ยิ้มของแจมินพี่ชอบมันที่สุดเลยนะ

แจมินบีบมือผมเบาๆ ตอนนี้มือของเราสองคนที่จับกันอยู่เปียกคราบน้ำตาทั้งของผมและของแจมินไปหมดแล้ว

เสียดายเนอะ ที่พี่จะไม่ได้เห็นแจมินยิ้มให้พี่อีกแล้ว

พี่มาร์ค...ฮึก

ผมรีบเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินแจมินสะอื้น รวบมือทั้งสองข้างของน้องไว้ในมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ปาดน้ำตาให้น้อง

แจมินอย่าร้องไห้นะ

แจมขอโทษ

พี่ขอโทษ....ที่ทำให้แจมยิ้มให้พี่คนเดียวไม่ได้..แจมเลยต้องไปยิ้มให้คนอื่น...ที่ไม่ใช่พี่

พี่มาร์ค แจมขอโทษๆ แจมขอโทษจริงๆฮืออ

พี่ยอมแล้วแจม พี่ยอม

แจมินปล่อยโฮออกมา น้องกอดผมแล้วร้องไห้สะอื้น ผมกอดน้องตอบแล้วหลับตาซึมซับไออุ่นของน้องให้ได้มากที่สุด นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้กอดกัน

พี่รักแจมนะ

ผมขอโทษ ฮือ ผมก็รักพี่นะ...ที่ผ่านมา

ผมผละออกจากอ้อมกอดของแจมิน ปาดน้ำตาน้องออก

แจมไปเถอะ พี่เข้าใจ

แจม ฮึก ขอโทษนะพี่มาร์ค



พี่ยอม





สุดท้ายคงเข้าใจ ฉันนั้นจะยอม ยอมให้เธอไป
ยอมให้น้ำตา ยอมเสียใจ แต่ความรักข้างใน 
มันคงลบไม่ได้ เคยเป็นแบบไหน ก็คงต้องเป็นแบบนั้น


.
.
หากเปรียบความรักของผมที่มีให้แจมินคงเปรียบเหมือนกับไวน์
เข้มข้นและไม่สามารถเปลี่ยนเป็นน้ำได้
เหมือนตัวผม
ที่ไม่สามารถเลิกรักเขาได้เช่นกัน

.
.
.



เปลี่ยนไวน์ให้เป็นน้ำ 
เปลี่ยนฉันให้ไม่รักเธอคงไม่ได้:-)







ห่างหายไปนานจากการเขียนเลยค่ะ
ต้องนั่งเค้นตัวเองหลาชั่วโมงมาก
หวังว่าจะชอบกันนะคะ:-)